พิฆเนศเสียดายขนมจึงกอบเข้าใส่พุงใหม่แล้วเอาซากงูที่ตีตายแล้วมาพันพุงไว้ แล้วจึงกลับไปวิมาน ต่อมาได้มีบทบาทสำคัญในพิธีบวงสรวงเทวดา ในพิธีกรรมต่างๆ เช่น ยกเสาเอก ตั้งศาลพระภูมิ ในประเพณีสู่ขอแต่โบราณในบางท้องที่ใช้ขนมต้มด้วย
ขนมต้มขาวนั้น ใช้แป้งข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนกลม ใส่ไส้น้ำตาลหม้อ ลงไปต้มให้สุก โรยด้วยมะพร้าวขูด ต่อมาจึงทำหน้ากระฉีก ซึ่งเป็นมะพร้าวขูดมาเคี่ยวกับน้ำตาลหม้อจนเหนียว ใช้เป็นไส้แทน ส่วนขนมต้มแดง ใช้แป้งข้าวเหนียวแผ่เป็นแผ่นแบน ต้มให้สุก ราดด้วยหน้ากระฉีกที่ค่อนข้างเหลว
ขนมที่เรียกว่าขนมต้มของภาคใต้จะต่างไปจากภาคกลาง ขนมต้มของภาคใต้จะเป็นข้าวเหนียวผสมน้ำกะทิห่อใบกะพ้อแล้วเอาไปต้ม บางท้องที่เรียกห่อต้ม ขนมที่ทำแบบนี้ทางภาคกลางเรียกข้าวต้มมัดหรือข้าวต้มผัด
นั้นคือขนมต้มสมัยโบราณ ที่นี้เรามารู้จักกับขนมต้มที่ทำกันอยู่ในปัจจุบันว่าทำกันอย่างไร
หน้าตาของขนมต้มในปัจจุบันก็จะเหมือนกับในภาพข้างบนซึ่งก็คือขนมต้มใบเตยเนื่องจากตัวแป้งมีกขนมต้มเป็นขนมที่มีหลักฐานว่ามีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย เข้ามาพร้องกับศาสนาพราหมณ์และลัทธิความเชื่อเกี่ยวกับเทพเจ้า โดยเชื่อกันว่าพระพิฆเนศโปรดขนมนี้มาก ครั้งหนึ่งเสวยเข้าไปจนเต็มพุง เมื่อขี่หนูกลับวิมาน ระหว่างทางหนูมาเจองู ตกใจจึงหยุดทันที พระพิฆเนศตกจากหลังหนู พุงแตก พระารผสมน้ำใบเตยก่อนที่จะนำไปต้ม ถ้าต้องการให้เป็นสีอื่นก็สามารถทำได้ เช่น สีน้ำเงิน จาก น้ำดอกอัญชัน สีแดงน้ำแตงโม เป็นต้น
วิธีทำขนมต้ม
ขนมต้มจะมีสองส่วนคือ ส่วนที่เป็นเนื้อแป้งและส่วนไส้ ส่วนที่เป็นเนื้อแป้งใช้แป้งข้าวเหนียว ในส่วนไส้ใช้น้ำตาลปี๊บกับมะพร้าวขูดใส่น้ำเปล่าตั้งไฟผัดจนแห้ง แล้ว นำมาปั้นเป็นเป็นลูกเล็กๆสำหรับทำเป็นไส้ขนมต้มที่นี่เมื่อเตรียมพร้อมแล้วการเริ่มต้นทำขนมต้มก็เริ่มต้น
นำแป้งข้าวเหนียวมาผสมกับน้ำใบเตยหรือน้ำอื่นๆตามต้องการผสมแค่พอประมาณให้สามารถนำแป้งไปห่อไส้ขนมได้เมื่อได้แล้วนำไปห่อไส้ขนมที่เตรียมไว้ปั้นเป้นลูกกลมจากนั้นนำไปต้มในน้ำเดือดให้สุก คือลูกขนมจะพองและลอยน้ำตักออกแช่น้ำเย็นสักพัก แล้ว ใช้ตะแกรงช้อนขึ้นจากน้ำเย็นนำไปคลุกกับมะพร้าวขูด ก็จะได้ขนมต้ม